คนท้อง กับความเชื่อเป็นเรื่องที่ควบคู่กันมานาน ตั้งแต่สมัยก่อน คนเฒ่าคนแก่ในบ้านก็มักจะมีความเชื่อมาบอกลูกหลานกันมากมาย ทั้งที่เชื่อได้ และเชื่อไม่ได้เลยก็มีเช่นกัน วันนี้เราจึงได้รวบรวมความเชื่อโบราณเกี่ยวกับการตั้งครรภ์มาฝากคุณพ่อคุณแม่ให้ได้ศึกษากัน รวมไปถึงความเป็นจริงของแต่ละความเชื่อนั้น จะเป็นอย่างที่พูดต่อกันมาหรือไม่
คนท้อง กับ 7 ความเชื่อโบราณ VS ความจริง
1. ห้ามดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์
ความเชื่อ : มีความเชื่อว่าหากคนท้องกินน้ำมะพร้าวเป็นการกินเพื่อการล้างไขออกก่อน ทำให้เด็กเกิดมาไม่มีไข และอาจทำให้แท้งได้ด้วย
ความจริง : ตามหลักการแพทย์แล้วไขของทารกจะทำให้ผิวทารกชุ่มชื้น และช่วยป้องกันแบคทีเรียผ่านเข้าสู่ผิวทารก และไขทารกยังเป็นสารหล่อลื่นทำให้คลอดออกมาได้ง่ายขึ้น เมื่ออายุครรภ์ครบกำหนดไขทารกก็จะลดลงไปเอง ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำมะพร้าวล้างไข นอกจากนี้ความเชื่อที่ว่าดื่มน้ำมะพร้าวจะทำให้แท้งลูกนั้น ก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนปริมาณที่น้อยมาก การดื่มเพียงเล็กน้อยจึงไม่มีผลกระทบต่อการบีบตัวของมดลูกจนทำให้แท้งได้ แต่ก็ไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ เพราะในน้ำมะพร้าวมีโซเดียมสูง คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษจึงไม่ควรดื่มนั่นเอง
2. ห้ามคุณแม่ตั้งครรภ์ทานของดำ
ความเชื่อ : มีความเชื่อกันว่าคุณแม่ท้องที่อยากให้ลูกน้อยออกมามีผิวขาว ต้องห้ามทานของดำ ไม่ว่าจะเป็น เฉาก๊วย โอเลี้ยง ช็อกโกแลต ไก่ดำ องุ่นดำ ขนมเปียกปูน เป็นต้น เพราะจะทำให้ลูกน้อยออกมาผิวคล้ำ หรือตัวดำ ถ้าอยากให้ลูกน้อยออกมาผิวขาวต้องทานนม หรืออาหารสีขาว
ความจริง : สีผิวของลูกน้อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณแม่ท้องได้ทานเข้าไป แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรม โดยมียีนเมลานินหรือเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีผิวนั่นเอง แต่เมื่อโตขึ้นสีผิวอาจจะเปลี่ยนไปตามการดูแล ไม่เกี่ยวกับการรับประทานอาหารสีอะไร
3. ห้ามคุณแม่ท้องอาบน้ำตอนกลางคืน
ความเชื่อ : สมัยโบราณมีความเชื่อว่าห้ามคนท้องอาบน้ำตอนกลางคืน เพราะจะทำให้น้ำคร่ำเยอะ และจะทำให้คลอดลูกน้อยออกมาได้ยากกว่าปกติ
ความจริง : เป็นเพียงกุศโลบายที่คนโบราณคิดขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้คนท้องไปอาบน้ำแล้วลื่นล้มจนเสี่ยงแท้งลูก เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นบ้านจะแยกอยู่คนละที่กับห้องน้ำ ทำให้เวลาอาบน้ำจะต้องเดินไปอีกที่ ยิ่งเป็นเวลากลางคืนจึงยิ่งทำให้คุณแม่เสี่ยงอันตรายลื่นล้ม จนแท้งลูกได้นั่นเอง
4. ห้ามคุณแม่ตั้งครรภ์มีเพศสัมพันธ์
ความเชื่อ : คนโบราณเชื่อกันว่าการมีเพศสัมพันธ์อาจจะไปกระทบกระเทือนต่อเดือนในครรภ์ จึงบอกต่อกันว่าไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ในขณะตั้งครรภ์
ความจริง : ทางการแพทย์ได้มีการออกมาอธิบายเรื่องนี้แล้วว่า ในขณะตั้งครรภ์สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ไม่ได้มีผลต่อทารกในครรภ์ แต่ควรดูช่วงอายุครรภ์ อย่างในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องจะมีอาการแพ้ท้อง อ่อนเพลีย และช่วงที่ถึงระยะใกล้คลอด คุณแม่ท้องจะรู้สึกอึดอัด เหนื่อยง่าย หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2 ระยะนี้ จะยิ่งทำให้คุณแม่เหนื่อยหอบได้มากกว่าปกติ ดังนั้นช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และ 3 เดือนก่อนคลอด จึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ในช่วงที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ ก็ควรเลือกท่วงท่าให้เหมาะสมเช่นกัน ควรเป็นท่าปกติ ไม่ผิดแปลกไปดีที่สุด
5. ห้ามคนท้องไปงานศพ
ความเชื่อ : เชื่อกันว่าการที่คนท้องไปงานที่ไม่มงคล จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเด็กในครรภ์ หรืออาจมีวิญญาณมาอาศัยร่างทารกมาเกิด บางคนก็เชื่อกันว่า ทารกในครรภ์จะถูกวิญญาณผู้ตายมาเอาไปอยู่ด้วย หรือมาทำร้ายให้ออกมาแล้วมีสภาพไม่สมประกอบ เป็นคนพิการได้
ความจริง : จะส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของคุณแม่และจะส่งต่อไปถึงลูกน้อยในครรภ์ได้ อย่างเช่น แม่โศกเศร้าก็จะทำให้ลูกน้อยในครรภ์เศร้าไปด้วย หรือเมื่อแม่มีความสุขร่างกายคุณแม่ก็จะหลังสารเอ็นโดนฟินทำให้ลูกน้อยมีความสุขไปด้วยนั่นเอง
6. คนท้องต้องติดเข็มกลัดที่ท้อง
ความเชื่อ : ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่สมัยการสู้รบ ที่คนท้องจะนำตะปูงอคาดเอว เพราะเชื่อว่าจะป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ แต่ในปัจจุบันได้เข็มกลัดแทน แต่ยังคงเป็นเหตุผลเดียวกัน
ความจริง : เป็นกุศโลบายเพื่อให้ผู้พบเห็นทราบว่าคนนั้นๆ กำลังตั้งครรภ์ และช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์
7. ห้ามคุณแม่เพิ่งคลอดขึ้นลงบันได
ความเชื่อ : มีความเชื่อกันว่า หากคุณแม่เพิ่งคลอดขึ้นลงบันได จะทำให้มดลูกหย่อนคล้อยได้
ความจริง : เป็นความเชื่อที่มาสืบเนื่องมาจาก ในสมัยก่อนการคลอดลูกจะไม่มีการเย็บแผล และบ้านเรือนส่วนใหญ่มักยกสูง มีใต้ถุน ต้องขึ้นบันได้ไปบนตัวบ้าน คนโบราณจึงกลัวว่าแผลจะแยกออกจากกันมากกว่าเดิม จึงได้มีการห้ามขึ้นได แต่ในปัจจุบันเรามีการเย็บแผลอย่างดี คุณแม่ท้องที่เพิ่งคลอดจึงสามารถขึ้นลงบันไดได้อย่างสบายใจ ไม่เป็นกังวลเรื่องแผลแตก แยกออกจากกันอีกเลย
ความเชื่อบางอย่างนั้นอาจจะมีกันแม่ตั้งแต่สมัยโบราณตามสภาพความเป็นอยู่ในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันมีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าไปมากแล้ว บางความเชื่อจึงอาจจะใช้ไม่ได้ในปัจจุบันนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามคุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลตัวเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหาคุณหมอตรงตามนัด ทำตามคำแนะนำของคุณหมอดีที่สุดนะคะ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : Bangkok Hospital
Comments