อาการ คนท้อง หรือ Symptoms of Pregnancy เป็นอาการแสดงให้ทราบว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งแต่ละคนอาจจะแสดงอาการเริ่มแรกหลายอย่าง บางคนก็อาจมีอาการแค่บางอย่าง หรือบางคนอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาการการตั้งครรภ์หรือแสดงว่าอาจจะกำลังท้องนั้น จะเริ่มแสดงให้เห็นในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการขาดประจำเดือน เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะตั้งครรภ์
อาการเริ่มแรกของ คนท้อง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอาการเริ่มแรกของคนท้องแต่ละคน จะแสดงออกมาแตกต่างกันไป บางคนเป็นมาก มีหลายอาการ บางคนไม่แสดงอาการใดๆ เลยจนทำให้เป็นภาวะการตั้งครรภ์ที่ไม่รู้ตัว อาการการตั้งครรภ์เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้
1. ขาดประจำเดือน ( Missed period ) เป็นสัญญาณเตือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่อาการขาดประจำเดือนก็ไม่ใช่หลักฐานที่ชัดเจนว่ากำลังตั้งครรภ์ เพราะอาการเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว การออกกำลังมากเกินไป โรคบางประเภทก็สามารถทำให้ประจำเดือนขาดได้เช่นกัน
2. คัดเต้านม (swollen breasts) หากตั้งครรภ์เต้านมจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 2-3 วันหลังการปฏิสนธิ ซึ่งจะเริ่มมีอาการคัดเต้านม ปวด หรือคัน ปานนมจะเริ่มมีสีคล้ำขึ้น ผิวหนังบริเวณเต้านมตึงขึ้นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน อาการคัดเต้านมนี้จะเป็นแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อร่างกายปรับสมดุลตามฮอร์โมนคนท้องได้แล้ว อาการนี้จะค่อยๆ ลดลงไปภายใน 3 เดือน
3. อารมณ์แปรปรวน (Mood swings) เมื่อตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการอารมณ์แปรปรวน เปลี่ยนแปลงเร็ว หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย อ่อนไหวง่าย บ้างก็ฉุนเฉียวง่าย แต่ในบางคนก็อาจมีอาการอารมณ์ดีสุด ๆ บางคนก็อาจมีอาการวิตกกังวล หรือซึมเศร้าอันเนื่องจากฮอร์โมนหรือความไม่พร้อมในการตั้งครรภ์ก็เป็นได้ หากเริ่มรู้สึกหดหู่ควรพบแพทย์ประเมินอาการทันที
4. อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า (Fatigue) ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการปฏิสนธิ ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น ส่งผลทำให้คนท้อง หรือคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกหมดแรง และอาจเป็นตะคริวบ่อยๆ หากมีอาการอ่อนเพลียระหว่างการตั้งครรภ์ยังอาจมีสาเหตุจากภาวะโลหิตจางได้อีกด้วย
5. คลื่นไส้ อาเจียน (Nausea) มักเกิดขึ้นในตอนเช้า หรือตลอดทั้งวันก็ได้ แล้วแต่ฮอร์โมนแต่ละคน พบช่วง 2-8 สัปดาห์หลังการตั้งครรภ์ จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร อาเจียน และอาจมีอาการวิงเวียน ปวดหัวด้วย ในคุณแม่ตั้งครรภ์บางรายอาจมีอาการแพ้ท้องหนัก อาเจียนหนักก็อาจเสี่ยงเกิดภาวะร่างกายขาดน้ำ เป็นลมหมดสติได้ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อประเมินอาการทันที
6. ท้องอืด (Bloating) หากตั้งท้องจะเริ่มมีอาการแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืดแน่น สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป จนมีแก๊สในกระเพาะเยอะจึงเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อนั่นเอง
7. ปวดท้องน้อย เป็นตะคริวที่ท้องน้อย (Cramping) จะเป็นอาการคนท้องแรกๆ มักมีอาการหน่วงๆ ที่ท้องน้อย ปวดเหมือนเป็นตะคริวบริเวณปีกมดลูก คล้ายการปวดประจำเดือน โดยส่วนใหญ่จะมีอาการนี้ประมาณ 2-3 วัน แล้วจะหายไปเอง แต่หากปวดรุนแรง หรือเป็นตะคริวเพียงข้างเดียว ควรรีบพบแพทย์เพราะอาจเกิดภาวะท้องนอกมดลูก หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้
8. ปัสสาวะบ่อย (Frequent urination) คนท้องมักจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น มีอาการปวดปัสสาวะถี่มากขึ้น ปัสสาวะมีสีเข้มออกไปทางส้มหรือน้ำตาล สาเหตุเกิดจากไตทำงานมากขึ้นทำให้ขับของเสียออกมากทางปัสสาวะบ่อยขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดจากการเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปวดถี่ขึ้น โดยเฉพาะในเวลากลางคืนจะปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ
9. ตกขาวมากกว่าปกติ (Vaginal discharge) เกิดจากสารคัดหลั่งในร่างกายออกมาทางช่องคลอดมากกว่าปกติ เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราในช่องคลอด จะเป็นตกขาวมากผิดปกติ จะมีลักษณะเป็นมูกใส หรือขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการคัน หากมีอาการคัน มีกลิ่น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจอาการที่แน่ชัด
10. ไวต่อกลิ่น (Acute sense of smell) ด้วยการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้คนท้องไวต่อกลิ่นเป็นอย่างมาก ได้กลิ่นอะไรที่ไม่เคยรู้สึกอะไร แต่เมื่อตั้งครรภ์จะเริ่มรู้สึกเหม็น ไม่สามารถทนต่อกลิ่นที่เคยคุ้นเคยหรือกลิ่นที่ชอบบางกลิ่นได้ บางคนอาจถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียนเลยทีเดียว
11. เลือดออกกะปริดกะปรอย (Vaginal bleeding) เป็นอาการของคนท้องที่พบได้บ่อยในช่วงท้องไตรมาสแรก หรือ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการเลือดออกกะปริดกะปรอยเกิดจากหลังการปฏิสนธิ ตัวอ่อนมีการฝังตัวเข้าไปยังผนังมดลูก จึงมีเลือดออกมากะปริดกะปรอยได้นั่นเอง
12. หายใจถี่ (Shortness of breath) เกิดฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปทำให้ปอดขยายใหญ่ขึ้น เพื่อให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปในปอดได้อย่างเต็มที่ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงทารกในครรภ์ด้วย นอกจากนี้เมื่ออายุครรภ์เริ่มมากขึ้น การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ก็จะไปกดกระบังลม ทำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์หายใจลำบากขึ้น จนต้องหายใจถี่ขึ้น หรือหายใจลึกขึ้นด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีอาการต่างๆ ข้างต้นแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่แสดงว่าคุณอาจจะกำลังท้องหรือตั้งครรภ์ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น เบื่ออาหารที่เคยชอบ ปวดศีรษะบ่อย ปวดหลัง นอนหลับยาก ตื่นกลางดึก เป็นสิว เป็นต้น
ทั้งนี้หากเริ่มมีอาการบางอย่างข้างต้น หรือสงสัยว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ หรือทำการตรวจการตั้งครรภ์เองที่บ้านก่อนก็ได้ หากมีการตั้งครรภ์ คุณแม่จะได้เตรียมตัว และเข้าปรึกษาคุณหมอเฉพาะทาง รวมถึงวางแผนการดูแลการตั้งครรภ์ให้เป็นไปอย่างราบรื่นปลอดภัย
Comments