ฝุ่น PM 2.5 อันตรายต่อคนท้อง และทารกในครรภ์อย่างไร มีวิธีป้องกันอะไรบ้าง
- regagar
- Feb 20
- 1 min read
ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่หลายพื้นที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและช่วงที่มีสภาพอากาศปิด ฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์แล้ว อันตรายยิ่งทวีคูณมากกว่าปกติ วันนี้เราจะพามารู้จักกับผลกระทบขอฝุ่น PM 2.5 ต่อคนท้อง ทารกในครรภ์ และวิธีป้องกันที่ควรรู้

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร และทำไมถึงอันตราย
ฝุ่น PM 2.5 ( Particulate Matter ขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร ) เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กมากที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอด และเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย อนุภาคเหล่านี้อาจประกอบไปด้วยสารพิษ เช่น โลหะหนัก ซัลเฟต ไนเตรต และสารก่อมะเร็ง เมื่อสูดดมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้

ผลกระทบของ ฝุ่น PM 2.5 ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ ภูมิแพ้กำเริบ หรือโรคหืด
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ฝุ่น PM 2.5 สามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ
กระตุ้นการอักเสบภายในร่างกาย ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของแม่และอาจกระทบต่อทารกในครรภ์

ผลกระทบของ ฝุ่น PM 2.5 ต่อทารกในครรภ์
เพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณสูงอาจทำให้มดลูกเกิดการอักเสบ และส่งผลให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนดมากขึ้นได้นั่นเอง
เสี่ยงทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ ทารกในครรภ์ที่ได้รับสารพิษจากฝุ่น PM 2.5 ผ่านทางคุณแม่ท้องอาจมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานได้
ส่งผลต่อพัฒนาการของสมองและปอด มีงานวิจัยบางฉบับพบว่า ทารกที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 อาจมีพัฒนาการทางสมองและปอดที่ด้อยลง หรือน้อยกว่าปกติ
วิธีป้องกัน ฝุ่น PM 2.5 สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าฝุ่น PM2.5 ค่อนข้างส่งผลอันตรายต่อทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ท้องควรต้องป้องกันตัวเองให้ดี ซึ่งมีวิธีป้องกันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ดังต่อไปนี้

หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง : - ตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5 จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์พยากรณ์อากาศก่อนออกจากบ้าน - หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นที่ฝุ่นมักหนาแน่น
ใช้หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ :
- เลือกใช้หน้ากากที่มีประสิทธิภาพ เช่น N95 หรือ KN95 ที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้
- หลีกเลี่ยงหน้ากากผ้าธรรมดา เพราะไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ดีพอ
ใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน :
- ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีไส้กรอง HEPA Filter ซึ่งเป็นแผ่นกรองอากาศชนิดหนึ่ง ที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน จึงสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หากเป็นไปได้ควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อลดการนำฝุ่นจากภายนอกเข้ามาในบ้าน
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง :
- รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและอี เช่น ส้ม ฝรั่ง พริกหวาน และอัลมอนด์
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกไป
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบา ๆ ตามความเหมาะสม
พบแพทย์ตามนัดและแจ้งความเสี่ยง :
- หากอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง ควรแจ้งแพทย์ที่ฝากครรภ์ให้ทราบ เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หรือเวียนศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ฝุ่น PM 2.5 เป็นภัยเงียบที่อาจส่งผลร้ายแรงทั้งต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ หากต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง ควรป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม ด้วยการหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์
การใส่ใจเรื่องคุณภาพอากาศในช่วงตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะสุขภาพที่ดีของคุณแม่ท้องในวันนี้ จะส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ไปจนถึงวันข้างหน้า ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกกันนะคะ
Comments