คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ เราสามารถ เพิ่ม IQ ให้ลูกน้อยฉลาด ได้ตั้งแต่ในครรภ์ เราสามารถเสริมสร้างความฉลาดทางสติปัญญา หรือ Intelligence Quotient ( IQ ) ให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยเติบโต
คุณแม่อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า มีวิธีเพิ่ม IQ หรือความฉลาดให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ซึ่งคุณหมอจะแนะนำให้เริ่มได้ประมาณ 8 สัปดาห์ หรืออายุครรภ์ 2 เดือนนั่นเอง วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีการเพิ่ม IQ ให้ลูกน้อยมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้าน
วิธี เพิ่ม IQ ให้ลูกน้อยฉลาด ได้ตั้งแต่ในครรภ์
ต้องบอกก่อนว่าสมองของลูกน้อยจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วมาก ในช่วง 8 สัปดาห์แรกตั้งแต่อยู่ในท้อง และจะพัฒนาไปจนถึง 2 ขวบ ช่วงนี้จะเป็นนาทีทองในการเสริมพัฒนาการทางสมองให้ลูกน้อยเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่ารอช้า ไปดูวิธีเพิ่ม IQ ให้ลูกน้อยกันเลย
- ลูบท้องวนเป็นวงกลมและคุยกับลูกในครรภ์บ่อย ๆ การลูบท้องของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์นั้น เป็นการช่วยกระตุ้นระบบประสาทของลูกน้อย และกระตุ้นสมองส่วนการรับรู้ความรู้สึกของลูกน้อย ทำให้พัฒนาการในส่วนนี้ดีขึ้นนั่นเอง และการคุยกับลูกน้อยในครรภ์บ่อย ๆ ก็จะทำให้กระตุ้นพัฒนาการทางประสาทและสมองทางการได้ยินดีขึ้นของลูกน้อย ซึ่งจะเริ่มทำงานช่วงอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่พูดคุยด้วยเสียงที่นุ่มนวล และพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ
- ฟังเพลงที่ชอบ เต้นเบา ๆ ไปตามจังหวะเพลง การฟังเพลงนอกจากจะช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลาย อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก็ยังเพิ่ม IQ ให้ลูกน้อยในครรภ์คุณแม่ได้ด้วย ลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มมีพัฒนาการการรับรู้ทางการได้ยินประมาณสัปดาห์ที่ 30 หากคุณแม่เปิดเพลงให้ลูกน้อยฟังผ่านหูฟังขนาดใหญ่วันละครั้ง ประมาณ 10-15 นาที รับรองว่าเพิ่มพัฒนาการทางสมองให้ลูกน้อยได้ และเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลกจะเป็นเด็กที่อารมณ์ดี แจ่มใสอีกด้วย ในขณะฟังเพลง คุณแม่ก็สามารถขยับตามจังหวะได้เล็กน้อย แนะนำให้เต้นเบา ๆ กับคุณพ่อ หรือคุณแม่เต้นคนเดียวโดยการประคองท้องไปด้วย การขยับจะช่วยไปกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูกน้อยให้ตื่นตัวขึ้น
- การอ่านหนังสือ อ่านนิทานให้ลูกฟัง คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่านิทานให้ลูกน้อยฟังได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์เลย เพราะการอ่านให้เขาฟังนั้นจะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการได้เร็วมากขึ้น และหากคุณแม่เป็นผู้อ่านเอง ลูกน้อยจะได้ยินเสียงของคุณแม่ชัดมากกว่าใคร และสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกจากน้ำเสียงหนักเบาขึ้นลง รวมไปถึงเสียงเต้นของหัวใจคุณแม่ในขณะอ่านหนังสือด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณแม่เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง อย่าลืมใส่ความรู้สึกร่วมลงไป เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยนั่นเอง
- การทำสมาธิ การทำสมาธิจะช่วยให้คุณแม่และคุณลูกผ่อนคลายไปด้วยกัน อย่างน้อยทำวันละ 10 นาที หรือมากกว่านั้น คุณแม่จะทำในช่วงเช้า หรือช่วงก่อนนอนก็ได้ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย จะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ทำให้เลือดสูบฉีดได้ เมื่อคุณแม่ผ่อนคลาย อารมณ์ดี จิตใจสงบ นั่นก็ทำให้ส่งผลไปถึงลูกน้อยในครรภ์ให้มีพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ที่ดีตามไปด้วย
นอกจากวิธีทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว คุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะรับประทานอาหารที่เหมาะสม ด้วย นั่นก็คือกลุ่มอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวอย่าง DHA ซึ่งมีมากในกลุ่มอาหารจำพวกปลาทะเลหรือสาหร่ายทะเล และ ARA มีมากในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันเม็ดทานตะวัน หรือ น้ำมันข้าวโพด เป็นต้น การเลือกทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวนั้นก็เพราะว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวนี้มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยในครรภ์ การที่ลูกน้อยได้รับวัตถุดิบและสารอาหารที่ดี คุณภาพที่ดีจะทำให้การสร้างเนื้อเยื่อสมองและระบบเส้นใยประสาทของลูกน้อยในครรภ์มีคุณภาพดีตามไปด้วยนั่นเอง
หากคุณพ่อคุณแม่ดูแล และทำได้ตามวิธีเหล่านี้ ลูกน้อยออกมาจะแข็งแรงทั้งร่างกาย และมีพัฒนาการทางสมองที่ดีอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก mamypoko และ amarinbabyandkids
Comments